วันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

หัวใจเต้นผิดจังหวะ คือ อะไร!!

เต้นผิดจังหวะ อาจจะแค่ขำๆ แต่หัวใจเต้นผิดจังหวะอาจจะขำไม่ออกนะคะ ถ้าคุณมีอาการหน้ามืด วิงเวียนศีรษะ เป็นลมหมดสติ หายใจลำบาก แน่นหน้าอก ใจสั่น คุณไม่ควรนิ่งนอนใจหรือมองข้าม เพราะคุณอาจเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ ก็เป็นได้!! ควรจับสังเกตุอาการของตัวเอง และหมั่นตรวจสุขภาพประจำทุกปี 

ระยะ 2-3 เดือนหลังมานี้ มีหลายคนสงสัย ทั้งโทร ทั้งไลน์เข้ามาเยอะมากค่ะ ว่า ตรวจพบอาการโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ หลายคนตื่นตระหนก ว่ามันคืออะไร อันตรายหรือไม่ มีทางรักษาหรือเปล่า วันนี้มีคำตอบค่ะ



โดยทั่วไปแล้วอัตราการเต้นของหัวใจคนเราจะอยู่ที่ประมาณ 60 - 100 ครั้งต่อนาที และมีจังหวะการเต้นสม่ำเสมอ โดยหัวใจห้องข้างบนและข้างล่างจะเต้นในจังหวะที่สัมพันธ์กัน

ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นภาวะที่หัวใจเต้นไม่เป็นไปตามจังหวะธรรมชาติ โดยอาจเต้นเร็วหรือช้าเกินไป ซึ่งเป็นผลมาจากกระแสไฟฟ้าในหัวใจเปลี่ยนไป อาจส่งสัญญาณเร็วเกินไป มากเกินไป หรือในบางครั้งเกิดไฟฟ้าลัดวงจรในห้องหัวใจ ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีผลให้การสูบฉีดเลือดไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร และอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจล้มเหลวซึ่งเป็นอันตรายได้

อาการที่แสดงออกเบื้องต้น 
  • หน้ามืด ตาลาย วิงเวียนศีรษะ
  • เป็นลมหมดสติ
  • หายใจขัด
  • แน่นหน้าอก/เจ็บหน้าอก
  • ใจสั่น
โปรดสังเกตว่าคุณมีอาการต่อไปนี้หรือไม่ และถ้าเป็น เป็นบ่อยครั้งแค่ไหน ควรรีบเข้าพบแพทย์เพื่อทำการตรวจรักษา และขอคำปรึกษาเพื่อดูแลตัวเอง

สาเหตุของโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ มีหลายสาเหตุด้วยกัน

>> ความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด เช่น มีผนังหัวใจหนามาก ผู้ป่วยโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะที่อายุน้อย ๆ มักมีสาเหตุมาจากความผิดปกติมาตั้งแต่กำเนิด

>> ความผิดปกติทางร่างกายที่มีผลต่อการทำงานของหัวใจ อาทิ เบาหวานความดันโลหิต ไขมันในเลือด หลอดเลือดหัวใจตีบ ความดันโลหิตสูงไขมันในเลือดสูง เบาหวาน ซึ่งมักพบในผู้ป่วยกลุ่มที่เป็นผู้สูงอายุ

>> อาหารบางอย่าง เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม ช็อกโกแลต

>> ยารักษาโรคบางชนิด อาทิ ยาที่มีส่วนประกอบของแอมเฟตามีน ยารักษาโรคหอบหืด

>> ความผิดปกติอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อการทำงานของหัวใจ อาทิ ภาวะต่อม ไทรอยด์ทำงานผิดปกติ อิเล็กโทรไลต์ในร่างกายผิดปกติ เช่น แมกนีเซียม โพแทสเซียม เป็นต้น

>> ความเครียดและความวิตกกังวล
 

ปัจจัยทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลต่อระบบไฟฟ้าในหัวใจ ทำให้กระแสไฟฟ้าในหัวใจเปลี่ยนไป เกิดคลื่นไฟฟ้าหมุนวน หรือทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรในห้องหัวใจที่ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะได้




การตรวจวินิจฉัย
 
ในส่วนของการวินิจฉัย เมื่อแพทย์สงสัยว่าผู้ป่วยมีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ แพทย์จะใช้การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจหรือที่รู้จักกันดีว่า EKG แต่ในบางครั้งภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะบางประเภทก็ไม่สามารถตรวจพบด้วยวิธีนี้ได้ เนื่องจากความผิดปกติจะเกิดขึ้นในช่วงสั้นๆ และหายไป แพทย์อาจต้องใช้เครื่องมืออื่นๆ เพื่อช่วยในการวินิจฉัย เช่น การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจขณะออกกำลังกาย (exercise stress test : การเดินสายพาน)  การติด Holter monitor เพื่อบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจตลอดระยะเวลา 24-48 ชั่วโมง หรือการใช้สายสวนหัวใจสอดตามหลอดเลือดไปยังหัวใจห้องบนและล่างเพื่อตรวจระบบการนำไฟฟ้าในหัวใจ (cardiac electrophysiology study) โดยตัวบันทึกสัญญาณที่ส่วนปลายจะทำการบันทึกสัญญาณไฟฟ้าในหัวใจ แพทย์ก็จะทราบตำแหน่งของความผิดปกติที่แน่นอน

หลังจากตรวจวินิจฉัยแล้วแพทย์ระบุว่า ท่านเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ ไม่ต้องตกใจนะคะ โรคนี้มีวิธีรักษาค่ะ

การรักษาโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
สำหรับการรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะนั้น แพทย์จะพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ทั้งสาเหตุ อาการ ตำแหน่ง และความรุนแรงของโรค โดยภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะบางชนิดอาจไม่ต้องทำการรักษา แต่ในชนิดที่ต้องทำการรักษาก็จะมีทางเลือกในการรักษาหลายวิธี  เช่น
    - การใช้ยาควบคุมจังหวะของหัวใจ
    - การใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ (pacemaker)
    - การใช้ไฟฟ้ากระตุกเพื่อปรับการเต้นของหัวใจ (cardioversion)
    - การใช้สายสวนเพื่อจี้กล้ามเนื้อหัวใจที่นำไฟฟ้าผิดปกติ (ablation therapy)
    - การฝังเครื่องกระตุกไฟฟ้าหัวใจ (implantable cardioverter defibrillator)
    - การตรวจระบบการนำไฟฟ้าภายในหัวใจ (Cardiac Electrophysiology Lab - EP Lab)

ซึ่งแพทย์จะพิจารณาตามความเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย ว่าควรจะใช้วิธีการไหนในการรักษา

การป้องกันโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ

ข่าวร้ายก็คือ ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะอาจจะไม่สามารถป้องกันได้เสมอไป แต่คุณสามารถหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง ก็จะช่วยลดโอกาสของการเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะได้บ้าง ปัจจัยที่ทำให้เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะ มีหลายอย่างด้วยกัน

  • หลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 
  • ความเครียด 
  • การสูบบุหรี่ 
  • การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หันมาดูแลสุขภาพด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ 
ถ้าคุณหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ ก็จะช่วยลดโอกาสของการเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะได้ค่ะ

ขอบคุณข้อมูล :: โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

รู้แล้วอย่างนี้แล้ว เรามาเริ่มดูแลหัวใจของเราเสียตั้งแต่วันนี้ดีกว่า
ดูแลสุขภาพหัวใจง่าย คลิ๊กที่นี่  >> ดูแลหัวใจ <<

หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ฟรี !!
Line : @gel88 (มี @ นำหน้าด้วยนะคะ)
สมัครรับข่าวสารข้อมูลสุขภาพ และพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญ
คลิ๊ก  >> รับข่าวสาร <<  >>ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ<<

วันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ทำบอลลูน ลูกโป่งช่วยชีวิต !!

ทำบอลลูน ลูกโป่งช่วยชีวิต !!

เนื่องด้วยมีเพื่อนท่านหนึ่ง โทรมาปรึกษาเรื่องการทำบอลลูน เขาไม่เคยมีอาการอะไรที่เข้าข่ายจะเป็นโรคหัวใจมากก่อนเลย รู้สึกว่าร่างกายตัวเองแข็งแรงดีด้วยซ้ำ ตรวจสุขภาพประจำปีกับบริษัทตลอด จนมาตรวจสุขภาพประจำปีเมื่อสิ้นปีที่แล้ว หมอตรวจพบการเต้นของหัวใจผิดปกติ จึงแนะนำให้ไปตรวจกับหมอเฉพาะทาง หลังจากการตรวจวินิจฉัย คุณหมอพูดว่า
"เดือนหน้าหมอนัดฉีดสี ถ้ามีปัญหาหมอจะทำบอลลูนให้เลยนะ" 
Oh my God!!! หลายคนได้ยินประโยคนี้ถึงกับช็อค ฉันเป็นอะไร ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วทำแล้วจะเป็นอะไรไหม เจ็บหรือเปล่า เป็นกังวลไปต่างๆนานา

วันนี้จึงขออธิบาย การทำบอลลูน อย่างย่อๆให้ฟังนะคะ

การ "ทำบอลลูน" ที่เราพูดถึงกันบ่อย คือ การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนค่ะ เป็นวิธีการขยายหลอดเลือดหัวใจซึ่งได้รับความนิยม เพราะไม่ต้องผ่าตัดและมีความปลอดภัย

    ผู้ป่วยจะได้รับน้ำเกลือ และยาทางสายน้ำเกลือ
    แพทย์จะฉีดยาชาซึ่งอาจเป็นบริเวณขาหนีบ ข้อมือ หรือข้อพับ
    แล้วใส่สายสวนหัวใจ ซึ่งเป็นท่ออ่อนที่มีบอลลูนขนาดจิ๋ว ซึ่งยังแฟบติดอยู่ตรงปลายเข้าไปยังหลอดเลือดหัวใจตรงบริเวณที่ตีบ หรืออุดตัน
    เมื่อสายสวนเข้าไปถึงจุดหมายที่ที่บริเวณหลอดเลือดตีบ จึงต่อสายบอลลูนเข้ากับเครื่องมือที่อยู่ภายนอกร่างกาย เพื่อดันให้บอลลูนขยายออก เบียดคราบไขมันหินปูนที่เกาะอยู่ที่ผนังหลอดเลือดให้ยุบแบนลง และขยายหลอดเลือดให้กว้างออก เพื่อให้เลือดไหลไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้ดีอีกครั้ง หลังจากนั้นจึงทำให้บอลลูนแฟบเหมือนเดิม แล้วดึงสายสวนหัวใจออกจากร่างกาย (ดูจากภาพประกอบจะทำให้เข้าใจง่ายขึ้นค่ะ)
    ในบางกรณีแพทย์จะใส่ขดลวดเข้าไปด้วย เพื่อช่วยลดโอกาสที่หลอดเลือดจะตีบใหม่
หรือในบางกรณีแพทย์เห็นว่ารอยตีบยังขยายได้ไม่กว้างพอ ก็จะใส่ขดลวดเล็กๆ (stent) เข้าไปยึดติดกับผนังหลอดเลือด ในบางกรณีอาจมีการนำขดลวดที่เคลือบด้วยยามาใช้ แทนขดลวดธรรมดา ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขยายหลอดเลือดแล้ว ยังเพิ่มความปลอดภัย และลดปัญหาเรื่องการกลับมาตีบซํ้าอีกได้ด้วย แต่ขดลวดดังกล่าวมีราคาค่อนข้างสูง จึงขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์และผู้ป่วย

การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง 
ค่าใช้จ่ายในการทำอยู่ที่ประมาณ 150,000-200,000 บาท
(จากการสอบถามสามารถเบิกประกันสังคมได้บางส่วนค่ะ)

การทำบอลลูนหัวใจในเส้นเลือดที่ตีบ

ภาพจำลองการทำบอลลูนในเส้นเลือดที่ตีบ

ข้อดีของการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบแคบด้วยวิธีนี้คือ สามารถช่วยลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อนในการผ่าตัดบายพาสได้เพราะไม่ต้องดมยาสลบ ทำให้ผู้ป่วยสามารถรู้สึกตัวพูดคุยกับแพทย์ได้ เพราะการวางยาสลบนั้นจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงแก่ผู้ป่วย นอกจากนี้ใช้เวลาเฉลี่ย 1-2 วัน ก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้เป็นปกติ โดยไม่ต้องกังวลกับอาการภาวะหัวใจขาดเลือด อีกทั้ง สามารถทำซ้ำได้หลายครั้ง ในกรณีที่หลอดเลือดตีบแคบมากขึ้นในอนาคต 

สอบถามข้อมูลโรคหัวใจ จากผู้เชี่ยวชาญ
Line ID : @gel88 (มี @ นำหน้าด้วยนะคะ)

วันพฤหัสบดีที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เรื่องของหัวใจ ใครว่าง่าย !!

วันนี้เรามาพูดกันถึงเรื่องหัวใจค่ะ แต่หัวใจในที่นี้ไม่ได้หมายถึง ความรัก ความรู้สึก ความเกลียดแค้น หรือชิงชัง

แต่หัวใจที่เรากำลังพูดถึง เจ้าก้อนเนื้อที่เต้น ตุบ ตุบ อยู่ทุกวันในร่างกายของเรา ไม่เคยพัก ไม่เคยหยุด ไม่เคยขาด ไม่เคยลา เป็นอวัยวะที่ทำงานหนักสุดเลยก็ว่าได้

ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา ดิฉันได้มีโอกาสได้ศึกษาเรื่องสุขภาพอย่างจริงจัง เบื้องต้นเลยหน้าที่การงานบังคับให้ต้องรู้ แต่หลังจากนั้นคนรอบข้างเริ่มมีปัญหาสุขภาพ เลยรู้สึกโชคดีที่มีโอกาสได้ศึกษาเรื่องนี้ เพื่อดูแลคนรอบข้างด้วย

พบว่าตลอดอายุการทำงาน 7 ปี มีคนมีปัญหาเจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ และหลอดเลือดเป็นจำนวนมาก มากขึ้นทุกๆปี และที่น่าตกใจก็คือ อายุเฉลี่ยของผู้ป่วยเริ่มลดลง ในความเข้าใจของเราๆสมัยก่อน คนที่จะมีปัญหาโรคหัวใจ มักจะมองไปที่คนสูงอายุเป็นกลุ่มแรก แต่ปัจจุบันโรคหัวใจ มากับคนที่อายุ 20 ปลายๆ มันช่างเป็นเรื่องที่น่าตกใจ!! ยิ่งนัก

เพราะฉะนั้นเรื่องเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด จึงไม่ใช่เรื่องเฉพาะกลุ่มอีกต่อไป มันคือสิ่งที่คุณต้องรู้ เพื่อตัวคุณเอง และคนที่คุณรัก

http://www.รักษาโรคหัวใจ.com/